โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการประยุกต์ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์สำหรับนักศึกษากลุ่ม Honors ประจำปีการศึกษา 2567 (รุ่นที่ 11)

feather-calendarPosted on 5 พฤศจิกายน 2024 document กิจกรรมนอกหลักสูตรปี 2567
แชร์

สำนักงานฯ จัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะนอกห้องเรียนให้นักศึกษาผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิชาการที่อยู่ในความดูแล เพื่อเติมเต็มศักยภาพของนักศึกษาควบคู่ไปกับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน Honors โดยทางสำนักงานฯ  ได้ร่วมมือกับนักศึกษา GEO รุ่นพี่จัดกิจกรรมเพื่อทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ถือเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความผูกพันและสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยเน้นการทำงานเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทั้งสาขาวิชาและชั้นปี  

การจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 14 และวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2567 จัดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยรูปแบบของการจัดกิจกรรม เริ่มต้นจากการพานักศึกษาไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแคว ชมสะพานข้ามแม่น้ำแคว และประวัติศาสตร์ของการสร้างสะพาน และเก็บภาพที่ระลึกร่วมกัน

หลังจากนั้นออกเดินทางสู่ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ รับฟังบรรยายจากภัณฑารักษ์จินตนา ถึงประวัติความเป็นมาของอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ชมโบราณสถานหมายเลข 1 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมคล้ายคลึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งขอม ศิลปกรรมที่สำคัญที่พบ คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี และนางปรัชญาปารมิตา

และออกเดินทางไปยัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า รับฟังการบรรยายจากคุณสำเนา จาดทองคำ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า บรรยายถึงโครงสร้างและสถาปัตยกรรมของอาคารจัดแสดงหลังใหม่ ที่ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบอาคารเพื่อเชื่อมโยงกับเรื่องการเลือกตั้งถิ่นฐานของผู้คนในอดีต ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ และนำชมห้องจัดแสดงนิทรรศการทั้ง 3 ชั้น ซึ่งทั้งสามสถานที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขุดค้นพบเครื่องมือก่อนประวัติศาสตร์ 

เปิดกิจกรรม ณ ห้องประชุม แนะนำโครงการอบรมเชิงปฎิบัติการประยุกต์ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ครั้งที่ 11 โดยเชิญ ผศ.ดร.วิมลศิริ ปรีดาสวัสดิ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ กล่าวเปิดโครงการ และ รศ.ดร.ปริญญา เสงี่ยมสุนทร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ กล่าวเปิดโครงการและให้คำแนะนำการใช้คณิตศาสตร์กับกิจกรรมที่จะได้ทำร่วมกัน

คณะทำงานและหัวหน้าทีมฝ่ายนักศึกษา ประกอบด้วย นายนวพล ตันประเสิรฐ และนางสาวเปมิกา จงขวัญยืน นักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 2 ได้ร่วมเดินทางเพื่อหาสถานที่ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เมื่อได้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า และอุทยานประวัติเมืองสิงห์ ทำให้เกิดแนวคิดในการสร้างโจทย์ทางประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับวิชาคณิตศาสตร์ โดยการระดมความคิดและแลกเปลี่ยนไอเดียภายในคณะทำงาน และทีมงานของนักศึกษาแกนนำ ซึ่งได้โจทย์เกี่ยวกับ Hamiltonian Path มีนิยามว่า จะเดินทางอย่างไรให้ผ่านเมืองสำคัญแต่ละแห่งเพียงครั้งเดียว เพื่อใช้ในการเดินชมจุดสำคัญของอุทยานประวัติศาสตร์ ตามที่กำหนดไว้

จากนั้น ทีมงานของนักศึกษาจึงวางแผนและออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับนิยามดังกล่าว โดยสอดแทรกเรื่องราวโบราณก่อนยุคประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเมืองกาญจนบุรี พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขของการสร้างโมเดลปราสาท การคำนวณเส้นทางที่ใช้ในการเยี่ยมชมปราสาท การคำนวณทางการเงิน และการป้องกันปราสาทจากภัยพิบัติ

กิจกรรมสร้างโมเดล

นักศึกษาแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม โดยสร้างอุทยานประวัติศาสตร์ตามโจทย์ที่ได้รับ ได้แก่

กลุ่มที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย

กลุ่มที่ 2 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

กลุ่มที่ 3 อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

กลุ่มที่ 4 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี

กลุ่มที่ 5 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

โดยทั้ง 5 กลุ่มจะต้องสร้างโมเดลตามเงื่อนไข ต่อไปนี้

  1. ต้องสร้างสิ่งปลูกสร้าง 4 จุด ภายในบริเวณที่กำหนด ตามหมายเลขของสิ่งปลูกสร้างและวงกลมที่ตรงกัน
  2. ต้องสร้างภูมิประเทศ (Terrain) ตามแบบที่กำหนดให้
  3. ขนาดของสิ่งปลูกสร้างต้องถูกต้องตาม Scale ที่กำหนดให้
  4. ระยะห่างระหว่างสิ่งปลูกสร้างต้องถูกต้องตาม Scale ที่กำหนดให้
  5. โมเดลที่สร้างมีความใกล้เคียงกับของจริง
  6. โมเดลมีความสวยงาม
  7. ต้องแจกแจงบัญชีรายรับรายจ่าย

หลังจากนั้น ให้เวลาในการทำแบบจำลองโมเดลอุทยานประวัติศาสตร์ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เมื่อผ่านไป 1 ชั่วโมง 30 นาที พิธีกรจึงทำการประกาศว่าจะมีการทดสอบความแข็งแรงของโมเดล ด้วยการจำลองภัยพิบัติต่างๆ ตามที่แต่ละกลุ่มสุ่มได้ ซึ่งภัยพิบัติและวิธีเกิดภัยพิบัติที่กำหนดไว้มีดังต่อไปนี้

  1. ฝนตก ทดสอบโดยการฉีดสายยาง เป็นเวลา 20 วินาที
  2. แผ่นดินไหว ทดสอบโดยการเขย่าฐานโมเดล เป็นเวลา 20 วินาที
  3. หินถล่ม ทดสอบโดยการปาลูกเทนนิส ในเวลา 20 วินที และระยะห่างจากโมเดล 2 เมตร
  4. พายุ ทดสอบโดยการใช้แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดพัด เป็นเวลา 20 วินาที
  5. ดินสไลด์ ทดสอบโดยการปล่อยฐานโมเดลจากที่สูง ด้วยวิธีการชูสุดแขนของผู้ทำการทดสอบ
  6. น้ำหลาก ทดสอบโดยการปล่อยน้ำจากกะละมัง ระยะห่าง 1 เมตรจากโมเดล

นักศึกษาได้รับฟังบรรยายจากคุณกมลวรรณ ไร่ประเสริฐกุล ผู้จัดการไร่แสงสกุลรุ่ง ถึงการทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน และการเพาะเลี้ยงไข่ผำในบ่อซีเมนต์ด้วยระบบน้ำกรอง รวมถึงการแปรรูป

ไร่แสงสกุลรุ่ง เป็นฟาร์มที่ดำเนินการเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน ซึ่งเป็นรูปแบบเกษตรที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยไม่ใช้สารเคมีหรือปุ๋ยเคมีในการเพาะปลูก พื้นที่ภายในไร่ถูกแบ่งเป็นหลายโซนสำหรับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ และทำให้ระบบเกษตรแบบอินทรีย์สามารถพึ่งพาตนเองได้ทั้งในด้านอาหารและทรัพยากร

 

การเพาะเลี้ยงไข่ผำในบ่อซีเมนต์ด้วยระบบน้ำกรอง  ไข่ผำ (หรือไข่น้ำ) เป็นสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่งที่นิยมเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการควบคุมสภาพแวดล้อม โดยระบบน้ำกรองในบ่อจะช่วยกรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำและรักษาคุณภาพน้ำให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไข่ผำ โดยขั้นตอนการทำงานของระบบมีดังนี้

บ่อซีเมนต์ ใช้บ่อซีเมนต์ขนาดพอเหมาะที่มีการออกแบบเพื่อการควบคุมอุณหภูมิและปริมาณน้ำ ทำให้ไข่ผำสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม

ระบบน้ำกรอง น้ำในบ่อจะถูกหมุนเวียนผ่านระบบกรอง ซึ่งช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและสารพิษที่อาจปนเปื้อนในน้ำ โดยใช้ระบบกรองหลายชั้นที่รวมถึงทรายและถ่านกัมมันต์ เพื่อให้น้ำสะอาดและปลอดภัยสำหรับไข่ผำ

 

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียนเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา Buffer Class และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การศึกษาดูงานในอุตสาหกรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

feather-calendarPosted on 21 ตุลาคม 2024 document กิจกรรมนอกหลักสูตรปี 2567Highlight
แชร์

     สำนักงานฯ จัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาได้เพิ่มประสบการณ์ และนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับสาขาและการทำงาน โดยนำนักศึกษาเข้าดูงานในหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2567 ณ โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา, บริษัท เกลือพิมาย จำกัด, ปราสาทหินพิมาย, สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน, สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ในจังหวัดนครราชสีมา และนครนายก  

กฟผ.ลำตะคอง เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ที่สร้างอยู่ใกล้กับเขื่อนลำตะคอง และยังเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแห่งแรกของประเทศไทย ทำงานโดยการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนกรมชลประทาน ไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำ บนเขายายเที่ยง ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยหรือช่วงกลางคืนถึงเช้า และในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงหรือช่วงกลางวันถึงค่ำ จะปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า และปล่อยลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิม ซึ่งอ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยงสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 10.3 ล้านลูกบาศก์เมตร และตัวอาคารโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ถูกสร้างไว้ใต้ระดับผิวดินลึกกว่า 350 เมตร เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 2 เครื่อง ที่ใช้กังหันน้ำแบบสูบกลับชนิด Vertical Shaft Francis Type มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกะวัตต์

นักศึกษาเข้าศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา  เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ที่ได้จากพลังน้ำ ซึ่งออกแบบเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ, พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ที่ได้จากพลังงานลม ซึ่งเกิดจากกังหันลมลำตะคอง ที่ทาง กฟผ.มุ่งมั่นที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน, การนำพลังงานไฟฟ้าไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และนำไปใช้หมุนเวียนในช่วงกลางวัน และกลางคืน

จากนั้น นักศึกษาได้เข้าศึกษาดูงานที่ บริษัท เกลือพิมาย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกลือสินเธาว์ในภาคอีสานของประเทศไทย พบว่าเกลือที่ผลิตขึ้น มีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่ในการปรุงหรือถนอมอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี และการผลิตน้ำประปา ภาคอีสานถือเป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญ โดยมีการทำเหมืองเกลือทั้งแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งการผลิตเกลือในภาคอีสานมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยเกลือที่ผลิตได้ไม่เพียงแต่ใช้ในท้องถิ่น แต่ยังส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ การทำเหมืองเกลือในภาคอีสานจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ปัจจุบันเกลือสินเธาว์ในภาคอีสานผลิตจาก แอ่งเกลือใหญ่สองแห่ง ได้แก่ แอ่งสกลนครและแอ่งโคราช ซึ่งมีชั้นหินเกลือใต้ดินเกิดจากการทับถมของตะกอนในอดีต เมื่อพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลตื้น ชั้นหินเกลือเหล่านี้มีความลึกตั้งแต่ 30-800 เมตร ทำให้ภาคอีสานเป็นแหล่งเกลือหินที่สำคัญของประเทศ โดยคาดการณ์ว่ามีปริมาณเกลือมากถึง 1.8 ล้านล้านตัน โดยในอดีตการทำเหมืองเกลือในภาคอีสานมีลักษณะดั้งเดิม คือ ชาวบ้านนำน้ำเค็มมาต้มหรือขูดเอาผงดินเค็มมาหมักน้ำแล้วต้มเพื่อให้ได้เกลือ ปัจจุบันการทำเหมืองเกลือได้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ได้แก่ การทำเหมืองละลายเกลือ (Solution Mining) ซึ่งนำน้ำจืดลงไปละลายเกลือหินในชั้นเกลือลึก จากนั้นสูบน้ำเกลือขึ้นมาและนำไปผ่านกระบวนการเคี่ยว เพื่อให้ได้เกลือบริสุทธิ์

วิธีการผลิตเกลือ จะเป็นระบบหมุนเวียน โดยเริ่มจากการนำน้ำไปละลายเกลือในโพรงข้างล่าง ได้น้ำเกลือ แล้วนำไปทำให้บริสุทธิ์ โดยการนำน้ำเกลือเก็บไว้ในถังพักขนาดใหญ่ และถ่ายไปยังถังทำปฏิกิริยาเคมี (REACTORS) ซึ่งมีการเติมสารเคมีทำปฏิกิริยากับสารละลายในน้ำเกลือให้เกิดเป็นตะกอน (SLUDGE) ตกอยู่ก้นถัง เมื่อสูบตะกอนก้นถังออกไปก็จะเหลือน้ำเกลือบริสุทธิ์ (PURIFIED BRINE) ซึ่งจะถ่ายไปยังถังพักน้ำเกลือบริสุทธิ์ แล้วส่งไประบบเคี่ยวเกลือให้ได้เป็นเกลือบริสุทธิ์หลังจากนั้นสลัดเกลือให้แห้งโดยเครื่องสลัดแห้ง ที่ใช้ระบบ Centrifuge ได้ผลผลิตเป็นเกลือบริสุทธิ์ (VACUUM SALT) ถึง 99.99 % โดยมีความชื้น (MOISTURE) 2-2.5 % โดยน้ำหนัก

เกลือที่ได้หลังจากผ่านระบบสะบัดแห้ง (CENTRIFUGE) ส่วนหนึ่งจะถูกลำเลียงด้วยสายพาน (BELT CONVEYOR) ไปเก็บไว้ในโรงเก็บเพื่อจำหน่ายต่อไป อีกส่วนหนึ่งจะผ่านสายพานลำเลียงที่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก (BELT WEIGHER) เพื่อปรับอัตราการฉีดน้ำยาโปตัสเซียมไอโอเดต (KIO3 SOLUTION) ลงบนเกลือก่อนนำไปอบแห้งผลิตเป็นเกลือใช้ประกอบอาหาร ซึ่งมีความเข้มข้นของไอโอดีน 50 พีพีเอ็ม ตามมาตรฐานสากล ซึ่ง สามารถป้องกันโรคคอพอกและปัญญาอ่อนได้

และนักศึกษาเข้าศึกษาดูงานด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมปราสาทหินพิมาย ได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับเทคโนโลยีอะนัสติโลซิส (Anastylosis) ที่ช่วยบำรุงโบราณสถานโดยการนำชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวปราสาท ประกอบเข้าด้วยกันตามหลักวิชาการและนำกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม รวมทั้งได้บูรณะโบราณสถานในเมืองพิมาย อย่างต่อเนื่อง, ประวัติศาสตร์ระหว่างไทยกับขอม (กัมพูชา) ว่าสมัยไหนเกิดอะไรขึ้นบ้าง, ประติมากรรมของคนยุคนั้นว่ามีความเชื่ออย่างไร และสิ่งที่เขาสร้างต้องการสื่อหรือระลึกถึงอะไร

นอกเหนือจากการพานักศึกษาเข้าดูงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว ทางสำนักงานฯ ได้พานักศึกษาเรียนรู้ที่สถาบันวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยในประเทศไทยอีกด้วย

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (Synchrotron Light Research Institute – SLRI) นักศึกษาได้เข้าศึกษาดูงาน และได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการสร้างแสงซินโครตอน โดยการสร้างแสงนี้จะต้องใช้การทำงานของหลายอุปกรณ์ เช่น ปืนยิงอิเล็กตรอนผลิตอิเล็กตรอนออกมา หลังจากนั้น อิเล็กตรอนจะถูกเร่งความเร็วด้วยเครื่องเร่ง อนุภาคแนวตรง หลังจากนั้นจะถูกเร่งต่อด้วยเครื่องเร่งอนุภาคแบบวงกลม ถูกเร่งจนมีพลังงาน 1200 ล้านอิเล็กตรอนโวลและส่งต่อไปที่วงกักเก็บอิเล็กตรอน และเมื่ออิเล็กตรอน ผ่านเแม่เหล็ก 2 ชั้น อิเล็กตรอนจะเกิดการเลี้ยวโค้งและปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของแสงซึ่งแสงนั้น มีชื่อว่าแสงซินโครตรอนและแสงจะผ่านจุดลำเลียงแสงและนำแสงนั้นไปใช้ต่อไป, ปรากฎการต่างๆของแสงซินโครตรอนเมื่อตกกระทบวัตถุ, การสร้างชิ้นงานสามมิติในระดับไมโครเมตร, สิ่งความรู้และเทคนิคเรื่องแสงซินโครตรอนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในการวิศวกรรม เช่น เทคโนโลยีสุญญากาศเพื่อการเก็บรักษาและคงสภาพฟอสซิล เทคโนโลยีระบบควบคุมการประกอบและการทดสอบห้องความดันลบความดันบวก เป็นต้น

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (National Astronomical Research Institute of Thailand – NARIT) จากการไปเยี่ยมชม NARIT ในครั้งนี้ ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์และจักรวาล ตั้งแต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการสำรวจอวกาศ เช่น กล้องโทรทรรศน์ เครื่องมือวัดต่างๆ ฟิสิกส์ที่ใช้ในอวกาศแต่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อมนุษย์บนโลก เช่น กล้องถ่ายรูป บรรจุภัณฑ์สำหรับการบริโภค ยารักษาโรคบางตัว NARIT ยังมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบใหม่ๆในวงการดาราศาสตร์ไม่ว่าจะมาจากในหรือต่างประเทศ รวมถึงการอธิบายหลักการทำงานของสิ่งประดิษฐ์ต่างๆเกี่ยวกับดาราศาสตร์หรือการทดลองทาง ฟิสิกส์ง่ายๆ และกล้องดูดาวที่ใช้ในการสังเกตการณ์ท้องฟ้า และนอกจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์, ฟิสิกส์ที่ได้รับแล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงความพยายามของนักดาราศาสตร์ นักวิจัยไทย และรัฐบาลไทยที่ทำงานหนักและสนับสนุนเพื่อให้เราได้รู้จักกับจักรวาลมากขึ้น รวมถึงความสำคัญของการวิจัยที่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจเรื่องราวของท้องฟ้าและจักรวาลได้ดียิ่งขึ้น โดยผ่านการตั้งศูนย์การเรียนรู้ NARIT กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ การเดินทางครั้งนี้ยังทำให้เข้าใจถึงความเชื่อมโยงของประเทศไทยกับการวิจัยระดับโลก และบทบาทของ NARIT ในการเป็นศูนย์กลางของดาราศาสตร์ในประเทศ

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (Thailand Institute of Nuclear Technology – TINT) นักศึกษาได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับเครื่องโทคาแมค 1 ณ อาคารปฏิบัติการเครื่องโทคาแมค เกี่ยวกับประโยชน์ของเครื่องที่สามารถสร้างพลาสมาที่อุณหภูมิประมาณ 300,000 องศาเซลเซียส การทำงานของเครื่องที่ต้องใช้ระบบ สูญญากาศ แล้วเติมแก๊สไฮโดรเจนที่มีความดันสูงเข้าไป เพื่อจุดพลาสมา การเคลื่อนที่ของพลาสมาในเครื่องที่ใช้สนามแม่เหล็กในการควบคุมทิศทางของพลาสมา ให้เป็นเกลียวเพื่อไม่ให้สัมผัสกับผนังของเครื่องในขณะที่เครื่องทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีการวัดอุณหภูมิของพลาสมาโดยใช้แสงเลเซอร์  เข้าฟังการใช้เทคโนโลยีการวัด อุณหภูมิโดยใช้แสงเลเซอร์ โดยการสร้างลำแสงเลเซอร์ในห้องปฏิบัติการ แล้วยิงเลเซอร์ไปวัดอุณหภูมิในเครื่องโทคาแมค และวัดการเปลี่ยนแปลงของแสงเลเซอร์ที่ยิงเข้าไป แล้วค่อยทำการแปลงเป็นอุณหภูมิของจุดที่วัด  และเข้าฟังบรรยายการฉายรังสีอัญมณีด้วยรังสี ณ อาคารเครื่องเร่งอิเล็กตรอน เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากรังสีมาช่วยทำให้อัญมณีเกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้ราคาของอัญมณีเปลี่ยนแปลงไปด้วย หลังจากนั้นเดินชมกระบวนฉายรังสี ตั้งแต่เครื่องกำเนิดรังสี การเตรียมวัตถุดิบ จนถึงการฉายรังสี หลังจากนั้นไปชมการฉายรังสีแกมมาโดยใช้ไอโซโทปรังสี Co-60 ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ ไปชมห้องฉายรังสี จริง และห้องควบคุมการฉายรังสี

CHE493 Climate Change and Mitigation ผ่านการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ OBEM

feather-calendarPosted on 13 สิงหาคม 2024 document กิจกรรมในหลักสูตรข่าวสาร/ประกาศข่าวสาร/ประกาศข่าวสาร/ประกาศข่าวสาร/ประกาศ
แชร์

สืบเนื่องจากการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ OBEM ในวิชา CHE492 Coffee Processing เมื่อปีการศึกษา 2565 นักศึกษาได้เรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟ และได้ลงมือปฏิบัติจริงในเรื่องการแปรรูปกาแฟตามเทคนิคต่าง ๆ ทั้งยังได้เข้าใจปัญหาของเกษตรกร และนักศึกษาสามารถแสดงความสามารถตามผลลัพธ์การเรียนรู้ได้

ในปีการศึกษา 2566 สำนักงานฯ จึงได้เปิดการเรียนการสอนในรูปแบบ OBEM ในรายวิชา CHE493 Climate Change and Mitigation โดยสร้างความตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบรรเทาผลกระทบ ซึ่งเป็นประเด็นในระดับโลก ทางสำนักงานฯ ได้วางแผนการดำเนินกิจกรรมให้แก่นักศึกษาให้ได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ และศึกษาดูงานในพื้นที่จริง โดยกิจกรรมนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 – 13 มกราคม 2567 ณ พื้นที่เรียนรู้แถบชายฝั่งทะเล จ.ชุมพร จ.ตรัง และ จ.นครศรีธรรมราช

ก่อนการลงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นักศึกษาได้เรียน Lecture และฟังการบรรยายในหัวข้อ “Climate Change and Life Cycle Assessment: LCA”      เพื่อการคำนวณการเกิดคาร์บอนฟุตปริ้นท์จากกระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ จาก Prof.Dr.Shabbir H. Gheewala ศาตราจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มจธ.

และนักศึกษาได้รับฟังการบรรยายด้านพลังงานชุมชน จาก ผศ.ดร.อุสาห์ บุญบำรุง  หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยบูรณาการระบบพลังงานสะอาด (Clean Energy Systems Integration Laboratory: CESi) มจธ. ในเรื่องการพัฒนาและต่อยอดการสร้างกังหันน้ำคีรีวง จากคุณลุงส่อง บุญเฉลย ผู้ริเริ่มสร้างกังหันน้ำและปราชญ์ชาวบ้าน ที่สร้างกังหันน้ำจากโครงซี่ล้อจักรยานกับกระป๋องนมใช้แทนใบพัด เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในที่พักบนภูเขาของหมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โดย CESi ได้นำกังหันน้ำมาต่อยอดและพัฒนาให้เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งนักศึกษาได้ดูต้นแบบกังหันน้ำทั้งสองแบบที่ทางศูนย์ ฯ ได้พัฒนาขึ้น

ในวันที่ 6 ม.ค. 67 ออกเดินทางจากภาควิชาวิศวกรรมเคมี มจธ. มุ่งสู่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายศุภกานต์ ชัยโชติรานันท์ นักวิชาการประมงปฏิบัติการ มาให้ความรู้แก่นักศึกษา เกี่ยวกับการเพาะขยายพันธุ์ ปลานวลจันทร์ทะเล นอกจากนี้ยังมีการเพาะเลี้ยงหอยมือเสือ และการอนุบาลหอยมือเสือ ซึ่งอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิและความเค็มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ จากนั้นนักศึกษาได้ไปเดินชมบ่อเพาะเลี้ยงของสัตว์ทะเลต่างๆ เช่น หอยเป๋าฮื้อ ปลาดาว เม่นทะเล และปลิงทะเล เป็นต้น

หลังจากนักศึกษาได้ไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลแล้ว ยังได้เดินทางไปที่ ชุมพรคาบาน่า จ.ชุมพร เพื่อไปทำกิจกรรมฐาน Workshop  การทำไอติมกะทิ โดยนักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการทำไอติมกะทิ และการคำนวณวัฏจักรของผลิตภัณฑ์(Life Cycle Assessment: LCA) ของการทำไอติมกะทิ ว่าในการ serve หนึ่งครั้งมีการใช้ปริมาณคารบอนไดออกไซดเทาไหรโดยตองหาขอมูลวาคา EF (GHGs Emission Factor: EF) ของวัตถุดิบหรือสิ่งที่เรา input เขาไปมีคาเทาไร แลวคำนวณปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา นอกจากนี้ยังไดเรียนรูวิธีขั้นตอนของกระบวนการทำไอติมกะทิ ในรูปแบบ flowchart เพื่อวิเคราะหขอมูล และหาค่าปริมาณคารบอนไดออกไซด์ที่ออกมาโดยใช้การประยุกต์จากโปรแกรม Excel

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การคำนวณ LCA มีประโยชน์ที่หลากหลายนอกจากทำให้ทราบปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลวางแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เช่น ลดการใช้วัตถุดิบ พลังงาน ของเสีย จึงสามารถพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของภาครัฐ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดทำข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย และสุดท้ายในภาคประชาชน สามารถใช้ประโยชน์จาก LCA เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเลือกซื้อสินค้าเพื่อสร้างจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมได้

ในวันที่ 7 ม.ค. 67 ได้ออกเดินทางไปวิสาหกิจท่องเที่ยว ชุมชนบ้านมดตะนอย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนหมู่บ้านมดตะนอย ที่มีวิถีประมงที่เรียบง่าย จากการพูดคุยกับคนในชุมชม ทำให้นักศึกษาเห็นถึงปัญหาต่างๆ เช่น ชาวประมงบางคนยังมีการจับปูที่มีไขไปขายเนื่องจากมีราคาสูง การกัดเซาะชายฝั่ง หรือลมมรสุมที่เขามาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ถี่ขึ้นในปจจุบัน ทำใหบานเรือนเสียหาย บางครั้งน้ำทะเลขึ้นจนถึงที่อยูอาศัยทำใหตองยาย และมีการทิ้งขยะไมเปนที่ในชุมชน ทั้งขยะจากการประมงอยางเศษซากอวน ลอก และแหตางๆ ขยะเหล่านี้มีอายุการใชงานที่มาก ทำใหขยะเพิ่มพูนขึ้น คนในชุมชนจึงมี นโยบายลดการใช้โฟมและพลาสติก การทำประมงที่ถูกกฎหมาย และกิจกรรมอนุรักษ์มากมาย ทั้งปะการังเทียม ธนาคารปู และการเพาะหญ้าทะเล ที่จะทำให้ธรรมชาติอิงอาศัยอยู่กับเรานานขึ้น

ในวันที่ 8 ม.ค. 67 นักศึกษาไปดูงานที่ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) เพื่อเรียนรู้ และศึกษากระบวนการผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องพร้อมทาน ซึ่งโรงงานปลากระป๋องปุ้มปุ้ยเป็นโรงงานผลิตปลากระป๋องระดับแถวหน้าของเมืองไทย มียอดขายจำนวนมากทั้งในประเทศไทยเอง และต่างประเทศ โดยโรงงานได้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งมีการเริ่มต้นมาจากการผลิตปลากระป๋องชั้นดี ที่เป็นผลิตภัณฑ์ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ หลังจากนั้นจึงได้ขยายขนาดโรงงานมาในที่ปัจจุบันที่มีขนาดกว่า 100 ไร่ ทำให้ปุ้มปุ้ยสามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองอัตราความต้องการสินค้าของผู้บริโภคได้มากขึ้น นอกจากนี้ทางโรงงานปุ้มปุ้ยยังมีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตลอดจนกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และได้มีการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่แสนอร่อย มีคุณภาพ

หลังจากศึกษาดูงานที่บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) นักศึกษาได้เดินทางไป  โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์)       ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เพื่อเตรียมสถานที่ในการจัดกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ (Science Shows) โดยแบ่งฐานกิจกรรม 5 ฐาน ได้แก่ ฐานยิงหิน ฐานแมลงสั่น ฐานผลไม้ไม่ได้มีแค่อร่อย ฐาน Elephant Toothpaste และฐานโอมเพี้ยง Indicator ซึ่งเป็นกิจกรรมการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ที่สร้างแรงบันดาใจ และปลูกฝังเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ให้แก่นักเรียนระดับประถมศึกษาตอนต้น และกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยกิจกรรมเหล่านี้นักศึกษาจะได้แสดงความสามารถในการนำเสนอการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยการแสดง Science Show      เเละพัฒนาความสามารถในการทำงานเป็นทีมตลอดจนการแสดงออกอย่างเหมาะสม

ในวันที่ 9 ม.ค. 67 นักศึกษาได้ฟังบรรยายจาก คุณบรรจง นฤพรเมธี ประธานวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงปลากระชังบ้านพรุจูด เกี่ยวกับเรื่องความเป็นมาของบ่อหินฟาร์มสเตย์ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งคุณบรรจง นฤพรเมธี ผันตัวจากการประกอบอาชีพประมง มาบุกเบิกการเพาะปลูกหญ้าทะเลในจังหวัดตรัง โดยมีจุดเปลี่ยนจากเหตุการณ์สึนามิที่ถล่มภาคใต้ของไทยเมื่อปี พ.ศ. 2547 ทำให้ชายฝั่งตรังได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งเรือและอุปกรณ์ทำกิน ไปจนถึงแหล่งปลาในทะเล การฟื้นฟูจึงต้องกลับไปตั้งต้นที่ระบบนิเวศ เพื่อให้ปลาได้กลับมาเติบโตในทะเลตรังได้อีกครั้ง โดยหญ้าทะเลเป็นพืชที่มีโครงสร้างเหมือนพืชบนบก ผ่านการวิวัฒนาการมายาวนานจนไปอยู่ใต้ทะเลได้ ทั่วโลกมีหญ้าทะเลอยู่มากมาย ส่วนในประเทศไทย หญ้าทะเลส่วนใหญ่จะขึ้นตามแนวชายฝั่งของทะเลฝั่งอันดามันมากกว่าฝั่งอ่าวไทย แต่ละจังหวัดก็มีชนิดหญ้าทะเลแตกต่างกัน ในจังหวัดตรังพบเจอแหล่งหญ้าทะเลที่มีความหลากหลายมากที่สุดถึง 13 ชนิดพันธุ์ ซึ่งหญ้าทะเลมีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าพืชบนบก ทำให้หญ้าทะเลเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาในฐานะพระเอก ก็เมื่อคำว่า Blue Carbon หรือคาร์บอนที่ถูกเก็บไว้ในระบบนิเวศทางทะเล เป็นที่รับรู้และยอมรับกันมากขึ้นว่ามีบทบาทสำคัญ เนื่องจากมีระดับในการดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าบก

หญ้าทะเลมีการสืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยและไม่อาศัยเพศ อีกทั้งยังอ่อนไหวต่อสภาวะแวดล้อม โดยสภาวะแวดล้อมจะต้องเหมาะสมกับการเพาะปลูก ไม่งั้นอาจจะทำให้หญ้าทะเลมีโอกาสรอดได้น้อย คุณบรรจง นฤพรเมธี จึงได้บรรยายถึงวิธีการปลูกหญ้าทะเล ซึ่งการปลูกหญ้าทะเลนั้น ต้องรอให้น้ำทะเลลดต่ำลงก่อน แล้วจึงนำต้นกล้าหญ้าทะเลไป เพาะปลูกในบริเวณที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ โดยการปลูกจะใช้ที่ขุด ในการขุดดินให้เป็นรูที่มีความลึกประมาณความสูงของแก้วกระดาษ แล้วนำแก้วกระดาษที่มีต้นกล้าหญ้าทะเลอยู่ลงไปปลูก หลังจากนั้นนำดินมากลบแต่ไม่กลบให้แน่นเกินไป เพราะจะทำให้อากาศเข้าไปไม่ถึงต้นกล้า 

หลังจากนั้นนักศึกษาได้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนในคลองสิเกา ได้แวะชมบ่อน้ำร้อนที่อยู่ในบริเวณลำคลองป่าชายเลน ที่มีอุณหภูมิน้ำร้อนประมาณ 45 องศา เป็นบ่อน้ำร้อนเค็มแห่งเดียวในจังหวัดตรัง นอกจากนี้นักศึกษาได้ลง พื้นที่ไปช่วยกันปลูกหญ้าทะเล ได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงระบบนิเวศหญ้าทะเล ความสำคัญของแหล่งหญ้าทะเล รวมถึงการปลูกหญ้าทะเลเพื่อให้เป็นอาหารของพะยูน สัตว์ทะเลหายาก และให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำได้อาศัยหลบภัยเลี้ยงตัวอ่อน

ในวันที่ 10 ม.ค. 67 นักศึกษาได้ไปเรียนรู้การลงสีผ้าบาติก จาก “กลุ่มสตรีบาติกบ้านพรุจูด”  โดยกระบวนการทำผ้าบ้าติกนั้น เริ่มจากการนำผ้ามาขึงให้ตึงกับโครงไม้ที่เตรียมไว้ จากนั้นก็จะใช้ไขเทียน ใส่ในหัวพู่กันสำหรับใส่ตัวไข เพื่อวาดลวดลายบนผ้าบาติกตามที่ต้องการ โดยหลังจากที่ทำการวาดเสร็จแล้ว ส่วนต่อไปคือการลงสีผ้าบาติก สีที่นำมาใช้สามารถใช้ได้ทั้งจากธรรมชาติและเคมี หลังจากทำการลงสีเสร็จ ให้นำผ้าไปตากแดดเพื่อให้สีแห้ง แล้วทำการต้มผ้าเพื่อให้สีที่ลงไว้นั้นติดคงทนอยู่บนเนื้อผ้า โดยกิจกรรมนี้นักศึกษาจะได้มาทดลองเขียนเทียนเป็นลวดลาย และได้ลงสีผ้าบาติกของตัวเอง 

ซึ่งลายที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน นั่นก็คือ ลายครอบครัวพะยูน ซึ่งเป็นการตระหนักรู้ถึงภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ของสัตว์น้ำน่ารักประจำท้องทะเลตรัง ที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัวแล้ว

หลังจากนั้นนักศึกษาได้เดินทางไป หมู่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ฟังบรรยายเกี่ยวกับเรื่อง ความเป็นมาของชุดกังหันน้ำคีรีวง โดยการนำพลังงานน้ำจากเทือกเขานครศรีธรรมราชมาใช้ภายในชุมชน และการพัฒนาชุดกังหันน้ำจากนักวิจัย มจธ. โดย คุณวิรัตน์  ตรีโชติ เลขานุการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกังหันน้ำคีรีวง พร้อมทั้ง คุณวินัย คงธรรม และสมาชิกกลุ่มฯ โดยกังหันน้ำคีรีวง เดิมเริ่มมาจาก ลุงส่อง” หรือ นายส่อง บุญเฉลย แห่งบ้านคีรีวง เป็นคนแรกที่ลองผิดลองถูกในการประดิษฐ์กังหันน้ำแบบง่ายๆ จากแกนล้อรถจักรยานและกระป๋อง จากนั้นเพื่อนบ้านจึงได้เริ่มประดิษฐ์กังหันน้ำในแบบของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีแบบชาวบ้าน แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็นำไปใช้ประโยชน์ได้

ผศ.ดร.อุสาห์ บุญบำรุง หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยบูรณาการระบบพลังงานสะอาด สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นหัวหน้าโครงการในการลงพื้นที่ชุมชนคีรีวง ใช้ระยะเวลา 4 ปีในการศึกษาสมรรถนะของนวัตกรรมกังหันน้ำท้องถิ่นคีรีวง พัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างต้นแบบกังหันน้ำผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากประสิทธิภาพสูงออกมาหลายรุ่น โดยใช้เทคโนโลยีในประเทศที่ทุกคนเข้าถึงได้ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมทั่วถึง (Inclusive Innovation)” ที่เป็นการพัฒนาโดยคนไทย 100 เปอร์เซ็นต์ ภายใต้ชื่อ “กังหันน้ำคีรีวง” จนได้ติดตั้งกังหันน้ำคีรีวงที่มีกำลังผลิต 1 กิโลวัตต์ ให้กับชุมชนคีรีวงเป็นครั้งแรกปี 2552 จากจุดเด่นสำคัญของกังหันน้ำคีรีวงที่มีขนาดเล็ก มีความทนทาน ใช้งานดูแลรักษาง่าย รวมถึงมีค่าประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงานน้ำเป็นไฟฟ้าค่อนข้างสูง

ในช่วงเช้าของวันที่ 11 ม.ค. 67 นักศึกษาได้เข้าร่วมกิจกรรมศึกษาดูงาน การใช้งานจริงของกังหันน้ำบนพื้นที่เทือกเขา โดยเรียนรู้และสอบถามการติดตั้งกังหันน้ำในขนำ (กระท่อมชาวสวนบนเทือกเขานครศรีธรรมราช) และการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากน้ำภายในชุมชน โดยซึ่งชาวบ้านที่นี่จะใช้ไฟฟ้าจากกังหันน้ำที่คนในหมู่บ้านผลิตขึ้นมาเองทั้งหมด ซึ่งถึงแม้จะมีการส่งเสริมกังหันน้ำ แต่ชุมชนควรมีกฎระเบียบของหมู่บ้านในการ  ใช้น้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ไม่ให้กระทบแหล่งน้ำ สมดุลน้ำเพื่อป้องกันไฟป่า รักษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เพื่อใช้ทรัพยากรน้ำร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ปัญหาที่พบเจออื่น ๆ เช่น ถนนหนทางที่ชาวบ้านสร้างกันเองอาจเกิดอันตรายได้ อากาศชื้นตากผลผลิตไม่แห้ง ท่อน้ำอาจเกิดความเสียหายได้ เป็นต้น

หลังจากนั้นนักศึกษาได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน โรงงานไทยทาโลว์ แอนด์ ออยล์ จำกัด ศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการสกัดน้ำมันปาล์มดิบจากทุกส่วนประกอบของผลปาล์ม ปาล์มน้ำมันที่นำมาผลิต ส่วนใหญ่เป็นผลปาล์มสดจากสวนเกษตรกรในพื้นที่ส่งเข้าสู่โรงงานโดยตรง เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มที่มีคุณภาพ โดยนักศึกษาจะเห็นขั้นตอนการแปรรูป การควบคุมการผลิตทุกกระบวนการ และการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อคงไว้ซึ่งเพื่อประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในทุกกระบวนการ

ในวันที่ 12 ม.ค. 67 ศึกษาดูงาน ณ บริษัท อีเอ วินด์ หาดกังหัน 3 จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) นักศึกษาได้ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมสามารถผลิตได้ตลอดระยะเวลาที่มีลมพัดอย่างเพียงพอ และมีการจัดทำโครงการหาดกังหัน โดยมีการติดตั้งกังหันลมตลอดแนวชายฝั่งครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ อ.ระโนด จ.สงขลา อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งโครงการย่อยทั้ง 3 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตรวม 126 เมกะวัตต์ นอกจากนี้การติดตั้งแนวการจัดวางกังหันลม  เรียงราย เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ ทำให้เกิดการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ในบริเวณที่ตั้งโครงการ และบริเวณใกล้เคียง 

จากการลงพื้นที่และศึกษาดูงานในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศบริเวณชายฝั่งแล้ว นอกจากนี้ นักศึกษายังได้ฟังบรรยายและเรียนรู้จากผศ. ดร.วิมลศิริ ปรีดาสวัสดิ์ เรื่อง Climate Gases (GHG) ได้ความรู้เกี่ยวกับก็าซเรือนกระจก ซึ่งประกอบไปด้วย  ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศผ่านการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน) ขยะมูลฝอย ต้นไม้ และวัสดุชีวภาพอื่นๆ และยังเป็นผลจากปฏิกิริยาเคมีบางอย่าง (เช่น การผลิตซีเมนต์) คาร์บอนไดออกไซด์จะถูกกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศ หรือกักเก็บ เมื่อถูกพืชดูดซับเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรคาร์บอนทางชีวภาพ,  มีเทน ถูกปล่อยออกมาในระหว่างการผลิตและขนส่งถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน การปล่อยมีเทนยังเกิดจากปศุสัตว์และแนวทางการเกษตรอื่นๆ การใช้ที่ดิน และการสลายตัวของขยะอินทรีย์ในหลุมฝังกลบขยะมูลฝอยของเทศบาล,  ไนตรัสออกไซด์ โดยถูกปล่อยออกมาในระหว่างกิจกรรมทางการเกษตร การใช้ที่ดิน และอุตสาหกรรม การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและของเสียแข็ง ตลอดจนในระหว่างการบำบัดน้ำเสีย,  สารคาร์โรฟลูออโรคาร์บอน เป็นก๊าซเรือนกระจกสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งปล่อยออกมาจากการใช้งานและกระบวนการต่างๆ ในครัวเรือน เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม,                               ก๊าซฟลูออรีน (โดยเฉพาะไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน) มักใช้แทนสารที่ทำลายโอโซน ในชั้นสตราโตสเฟียร์ (เช่น คลอโรฟลูออโรคาร์บอน ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน และฮาลอน) ก๊าซฟลูออรีนมักถูกปล่อยออกมาในปริมาณที่น้อยกว่าก๊าซเรือนกระจกชนิดอื่น แต่เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพ โดยก๊าซเหล่านี้  มักมีค่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อน (GWP) อยู่ที่หลายพันถึงหลายหมื่น จึงมักเรียกก๊าซเหล่านี้ว่าก๊าซที่มีค่า GWP สูง เนื่องจากเมื่อพิจารณาจากมวลที่กำหนด ก๊าซเหล่านี้สามารถดักจับความร้อนได้มากกว่า CO2 อย่างมาก,  โอโซน และไอน้ำ

เรื่อง Carbon Capture and Storage (CCS) ได้ความรูเกี่ยวกับการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นกระบวนการที่กระแสก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ค่อนข้างบริสุทธิ์จากแหล่งอุตสาหกรรมจะถูกแยก บําบัด และขนส่งไปยังสถานที่จัดเก็บในระยะยาว การดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ มีด้วยกัน 3 แบบคือ Post-Combustion มีกระบวนการทำง่าย แต่มีค่าใช้จ่ายสูง เป็นวิธีการที่ควรนําไปใช้มากที่สุด, Pre-Combustion เป็นการเปลี่ยนรูปเชื้อเพลิงให้กลายเป็นไฮโดรเจน (H) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยหลังจากทำการปรับคุณสมบัติให้เหมาะสมแล้วจึงทำการแยก CO2 ออก เพื่อนำไปกักเก็บหรือใช้ต่อ และ Oxy-Fuel เป็นการใช้หัวเผาแบบ Oxy-Fuel (Oxy-Fuel Fired Burner) ซึ่งเป็นหัวเผาที่ใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ (Combustion) ได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถลดปริมาณอากาศที่ใช้ในการเผาไหม้แบบทั่วไป กระบวนการส่งคาร์บอนไดออกไซด์ มีด้วยกันหลายแบบ เช่น การส่งผ่าน pipeline ,sea freight (เป็นวิธีที่นิยมในต่างประเทศ) ,truck ,train แหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ มีทั้งหมด 4 แหล่งคือ Aquifer (หลุมใต้นํ้า), Gas or Oil Fields (เป็นวิธีการที่นิยมในประเทศไทย คือ หลุมนํ้ามันดิบหรือแก๊สธรรมชาติเช่น ที่ลานกระบือ จะใช้วิธีการอัดแก๊สออกซิเจนเข้าไปในหลุมเก่าเพื่อไล่นํ้ามันให้ขึ้นมา) และ Coal Seams

เรื่อง Renewable Energy  ได้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานทดแทนคือพลังงานที่ได้มาจากแหล่งธรรมชาติซึ่งถูกเติมเต็มในอัตราที่สูงกว่าที่ใช้ไป เช่นแสงแดดและลมเป็นแหล่งที่มีการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง แหล่งพลังงานหมุนเวียนมีอยู่มากมายรอบตัวเรา ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตได้จากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ พลังงานลม เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิความกดดันของบรรยากาศ และแรงจากการหมุนของโลก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเร็วลมและกําลังลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ คือ พลังงานธรรมชาติที่เกิดจากความร้อน ซึ่งถูกกักเก็บอยู่ภายใต้พื้นผิวโลก ไฟฟ้าพลังนํ้า คือ ไฟฟ้าที่เกิดจากพลังนํ้า โดยใช้พลังงานจลน์ของนํ้าซึ่งเกิดจากการปล่อยนํ้าจากที่สูงหรือการไหลของนํ้า หรือการขึ้น-ลงของคลื่น ไปหมุนกังหันนํ้าและเครื่องกําเนิดไฟฟ้า พลังงานมหาสมุทร คือ พลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นจากนํ้าทะเลในมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากการเคลื่อนไหวของกระแสนํ้าหรือจากความแตกต่างของอุณหภูมิ และความเค็มของนํ้าทะเล พลังงานชีวภาพ คือ พลังงานเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการย่อยสลายวัสดุทางชีวภาพด้วยการอาศัยแบคทีเรียภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) จนเกิด เป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ซึ่งในการเลือกมานําไปใช้จะขึ้นกับพื้นที่นั้นๆ โดยเลือกใช้ตามศักยภาพและความต้องการ

Exclusive Knowledge Buffets

feather-calendarPosted on 20 พฤษภาคม 2024 document Buffer Class
แชร์

ตารางสอบสำหรับนักศึกษา Buffer Class รหัส 64 และ 65 (S/2566) รายวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี

feather-calendarPosted on 20 พฤษภาคม 2024 document Buffer Class
แชร์

ประกาศ! สำหรับนักศึกษา Buffer Class รหัส 64 และ 65 รายวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี สำนักงานการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ (GEO) จะจัดโครงการทบทวนบทเรียน (เน้นทำแบบฝึกหัด) ให้นักศึกษาได้เตรียมความพร้อมก่อนลงสนามสอบจริง เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง เดือนกรกฎาคม 2567 (S/2566) พบกับ TA GEO ได้ที่ CB1 KMUTT โครงการนี้จัดขึ้นด้วยความปรารถนาดีจาก สำนักงานการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ (GEO) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

ติดตามประกาศและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: KMUTT-GibGae

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียนเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา Buffer Class และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การศึกษาดูงานในอุตสาหกรรม EEC ภาคตะวันออก

feather-calendarPosted on 21 มีนาคม 2024 document ข่าวกิจกรรมข่าวกิจกรรมข่าวกิจกรรมข่าวกิจกรรมข่าวกิจกรรมกิจกรรมนอกหลักสูตรปี 2566ข่าวสาร/ประกาศHighlightHighlightHighlightHighlightHighlight
แชร์

สำนักงานฯ จัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาได้เพิ่มประสบการณ์ และนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับสาขาและการทำงาน โดยนำนักศึกษาเข้าดูงานในหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมตะวันออก เมื่อวันที่ 2 – 5 สิงหาคม 2566 ณ บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด, ศูนย์นวัตกรรมไออาร์พีซี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด, บริษัท ยูเบะ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) และศูนย์การเรียนรู้ “บ้านปลาธนาคารปู” ในจังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรี

นักศึกษาเข้าศึกษาดูงานโรงงาน DENSO International Asia ในส่วนของบริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนู แฟคเจอริ่ง จำกัด และ บริษัท สยาม เคียวซัน เด็นโซ่ จำกัด จังหวัดชลบุรี เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้การพัฒนา นวัตกรรมใหม่ ๆ และมีประสบการณ์ในด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ระบบปรับอากาศ ระบบความปลอดภัย มีการใช้เทคโนโลยีแขนกล และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทดแทนการใช้กำลังคน ทั้งในส่วนของความแม่นยำและเพิ่มกำลังการผลิต

การศึกษาดูงาน ณ ศูนย์นวัตกรรมไออาร์พีซี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) นักศึกษาได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ (Crude Oil) โดยได้รับฟังการบรรยายจาก Process Engineer ที่ทำหน้าที่ประเมินน้ำมันดิบ การควบคุมการผลิต การออกแบบปรับปรุงกระบวนการผลิต และการควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย จากนั้นนักศึกษาได้เรียนรู้นวัตกรรมที่เกิดจากการผลิตน้ำมันมาแปรรูปภายในศูนย์จัดแสดง รวมทั้งได้สอบถามและแลกเปลี่ยนความรู้กับนักวิจัย


LINE_ALBUM_IRPC 20866_๒๔๐๓๑๒_17

จากนั้น นักศึกษาได้เข้าศึกษาดูงานที่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ (Liquefied Natural Gas: LNG) เมื่อการนำ LNG มาใช้งาน โดยเริ่มจากการขุดสำรวจ เมื่อได้ก๊าซธรรมชาติเหลวจะนำมาลดอุณหภูมิลง -160 องศาเซลเซียล เป็นกระบวนการแปรสถานะจากก๊าซเป็นของเหลวที่ความดันบรรยากาศ จึงส่งผลให้ปริมาตรลดลงถึง 600 เท่าของสถานะก๊าซ เพื่อความสะดวกในการขนส่งในระยะไกล เมื่อนำมาใช้งาน LNG จะถูกนำเข้ากระบวนการกลับสู่สถานะก๊าซเช่นเดิม ก่อนถูกนำไปยังระบบท่อส่งก๊าซต่อไป โดยประโยชน์ของ LNG มีมากมาย เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม หรือใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ นอกจากนี้ LNG ยังมีประโยชน์ในการนำพลังงานความเย็นที่ได้จากการแปรสภาพก๊าซไปใช้เพาะปลูกไม้เมืองหนาวได้อีกด้วย

และ สถานที่ศึกษาดูงาน บริษัท อูเบะ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) นักศึกษาได้รับฟังการบรรยายภาพรวมของบริษัท การทำงานภายใน บริษัท อูเบะ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ที่ให้ความสำคัญด้านนวัตกรรม กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก่อนจะพานักศึกษาเข้าดูกระบวนการผลิตไนลอน ด้วย Polymerization ก่อนการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายต่อไป

นอกเหนือจากการพานักศึกษาเข้าดูงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานฯ ได้พานักศึกษาเรียนรู้ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ บ้านปลาธนาคารปู อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี กิจกรรมฐานของศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ได้รับการต้อนรับโดยผู้ใหญ่บ้านสถิตย์ แสนเสนาะ ซึ่งบรรยายถึงความเป็นมาของชุมชน ความอุดมสมบูรณ์ของการทำประมง และปลูกข้าว จนกระทั่งคนนอกพื้นที่ใช้เรืออวนดุนลักลอบจับสัตว์น้ำ เกิดปัญหาสัตว์น้ำลดลง ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจึงรวมตัวกันขับไล่เรืออวนดุนออกจากพื้นที่ และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์น้ำ เพื่อการฟื้นฟูระบบนิเวศของชุมชน และเกิดการสร้างศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้น


โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการประยุกต์ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับนักศึกษากลุ่ม Honors ประจำปีการศึกษา 2566 (รุ่นที่ 10)

feather-calendarPosted on 13 มีนาคม 2024 document กิจกรรมนอกหลักสูตรปี 2566
แชร์

สำนักงานฯ จัดกิจกรรมเสริมทักษะนอกห้องเรียนให้แก่นักศึกษาผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิชาการ เพื่อเติมเต็มศักยภาพของนักศึกษาควบคู่ไปกับการจัดการเรียนในห้อง Honors ในปีการศึกษา 2566 สำนักงานฯ ได้ร่วมมือกับนักศึกษา GEO รุ่นพี่ เพื่อจัดกิจกรรมทำความรู้จักกันระหว่างนักศึกษา โดยมุ่งเน้นให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มที่คละกลุ่มตามความหลากหลายของสาขาวิชาและชั้นปี เพื่อทำกิจกรรมแข่งขันประยุกต์ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์จากโจทย์ที่กำหนด และนำเสนอวิธีคิดที่ได้มาซึ่งผลลัพธ์ รวมทั้งการศึกษาดูงานด้านวิถีชุมชน โดยกิจกรรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 – 3 กันยายน 2566 ณ ชุมชนสระกะเทียม จ.นครปฐม และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบางพลับ จ.สมุทรสงคราม

ภายในวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์พืชอินทรีย์บ้านสระกะเทียม นักศึกษาได้ศึกษาเรียนวิธีการปลูกต้นโกโก้ ได้ลงมือเก็บผลโกโก้ และการนำผลมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์โกโก้ ซึ่งกระบวนการแปรรูปโกโก้ ที่นักศึกษาได้ลงมือทดลองคือ การผลิตชอกโกแลตและการขึ้นรูป

กิจกรรมที่นักศึกษาได้ร่วมทำงานเป็นกลุ่ม คือ การออกแบบโดนัทและคำนวณหาปริมาณชอกโกแลตที่ต้องใช้ในการเคลือบชิ้นโดนัท โดยนักศึกษาในกลุ่มต้องช่วยกันออกแบบโดนัทให้มีความสร้างสรรค์และขึ้นรูปได้จริง ทั้งยังภายในศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบางพลับ จ.สมุทรสงคราม นักศึกษาได้เรียนรู้วิถีชุมชน ผ่านการฟังบรรยายและเรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ กิจกรรมน้ำตาลมะพร้าว กิจกรรมการทำถ่านผลไม้ และกิจกรรมการทำขนมสลิ่ม

ห้องเรียนที่มีรูปแบบการเรียนการสอนที่จะส่งเสริมพัฒนาการของนักศึกษาผู้มีความสามารถพิเศษ
(Honors Class)

feather-calendarPosted on 8 มีนาคม 2024 document ข่าวกิจกรรมกิจกรรมในหลักสูตร
แชร์

ห้องเรียนที่มีรูปแบบการเรียนการสอนที่จะส่งเสริมพัฒนาการของนักศึกษาผู้มีความสามารถพิเศษ (Honors Class)

นักศึกษาผู้มีความสามารถพิเศษเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้และมีศักยภาพในการเรียนรู้สูง เมื่อต้องเรียนในชั้นเรียนขนาดใหญ่ ที่มีเนื้อหาและรูปแบบการเรียนการสอนสอดคล้องกับพื้นฐานของนักศึกษาส่วนใหญ่ในชั้นเรียน อาจทำให้นักศึกษาที่มีความสามารถพิเศษเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากเข้าชั้นเรียน 

GEO เห็นว่าการจัดเนื้อหาและรูปแบบการเรียนการสอนที่ท้าทายความสามารถของนักศึกษากลุ่มนี้ให้มากขึ้น จะช่วยให้นักศึกษามีความกระตือรือร้นที่จะเข้าห้องเรียน และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ GEO จึงผลักดันให้เกิดกลุ่มเรียนที่มีการเรียนการสอนแบบ Honors Program ขึ้น

ห้องเรียนแบบ Honors Class เป็นกลุ่มเรียนที่กำหนดขอบเขตของเนื้อหาวิชาไว้ไม่ต่างจากห้องเรียนปกติแต่มีรูปแบบการเรียนการสอนที่ท้าทายความสามารถของนักศึกษามากกว่า เนื้อหามีความลึกซึ้งมากกว่าและมีการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่แยกจากห้องปกติ การเรียนการสอนแบบ Honors ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีนั้น เริ่มขึ้นในปีการศึกษา 2557 จนถึงปัจจุบัน